الثلاثاء، 13 يناير 2009



ความเร็วแสง (GREATEST SPEED OF C) นัยในอัลกุรอาน
เขียนโดย รศ.นิแวเต๊ะ หะยีวามิง

แสงเป็นธรรมชาติชนิดหนึ่งที่มนุษย์คุ้นเคยมาตลอด นักคิด นักปรัชญา นับตั้งแต่ยุคดึกดำบรรณ สนใจและพยายามจะหาคำตอบให้ได้ว่า แสงคืออะไรกันแน่ นักวิทยาศาสตร์มุสลิม เช่น อิบนู ซีนา, อิบนู ฮัยษัม,อูลัก เบค และท่านอื่นในช่วงปี 900-1300 ได้พยายามหาคำตอบเกี่ยวกับแสง อิบนู ซีนา เชื่อว่า แสงมีความเร็วจำกัดค่าหนึ่ง อิบนู ฮัยษัม กล่าวว่าการที่ตามองเห็นเพราะมีแสงจากวัตถุเข้าสู่ตา หมายถึงเรามองไม่เห็นแสงแต่แสงทำให้เรามองเห็นวัตถุต่างๆ ซึ่งความคิดเหล่านี้ได้ส่งผ่านมายังนักวิทยาศาสตร์ยุโรป ในสมัย Renaissance หรือยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ
นักวิทยาศาสตร์ยุโรปหลายคนในช่วงปี 1600 เป็นต้นมาเช่น กาลิเลโอ โรเมอร์ ฮอยเกน เฟรสเนล เป็นต้น ได้สนใจและพยายามวัดความเร็วของแสง โดยวิธีต่างๆ ปรากฏว่า ความเร็วของแสงที่วัดได้มีค่าสูงมากคือ ประมาณสามแสนกิโลเมตรต่อวินาที และจะมีค่าคงที่สำหรับตัวกลางที่เป็นสุญญากาศ หากแสง เคลื่อนที่ในตัวกลางอื่นๆความเร็วจะลดลง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการหักเหของแสง
ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์เข้าใจว่า แสงเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ดังนั้นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจึงมีความเร็วเท่ากับแสง ตามทฤษฏีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าของแมกเวล ไอสไตน์ได้อาศัยคุณสมบัติของแสงที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุดและสิ่งอื่นๆจะไม่สามารถเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าแสง มาสร้างทฤษฏีสัมพัทธภาพพิเศษอันโด่งดัง และทฤษฏีสัมพัทธภาพทั่วไป (ประมาณปี 1900-1905) ซึ่งเป็นที่สนใจชองนักวิทยาศาสตร์โดยทั่วไป แม้แต่วันนี้ทฤษฏีเหล่านี้ ยังถือว่าใหม่อยู่
แสงเกี่ยวข้องกับจักรวาลโดยตรง เพราะจักรวาลนั้นกว้างใหญ่ไพศาลยิ่งนัก ระยะทางระหว่างดวงดาวนั้นวัดกันเป็นปีแสง หมายถึงระยะเวลาที่แสงใช้เวลาในการเดินทาง
แม้ว่าในระยะปี 1400 เป็นต้นมาโลกมุสลิมเกือบจะไม่มีนักวิทยาศาสตร์เลยก็ตาม แต่หลักการแล้วอิสลามคือศาสนาของมนุษยชาติไม่ว่าจะเป็นยุคไหน สมัยใด กุรอาน ไม่เคยล้าสมัย ความเร็วแสงหรือนูร มีกล่าวเป็นนัยๆอยู่ในกุรอานในกุรอาน ซูเราะฮฺ อัซซัจญะดะฮฺ อายัตที่ 5 และซูเราะฮฺ อัลฮัจย์ อายัตที่ 47 ได้กล่าวถึงตัวเลขบางค่าที่เกี่ยวกับเวลา เป็นการเดินทางของปรากฏการณ์บนฟากฟ้าที่เทียบกับเวลาบนโลก จากอายัต ทั้งสอง นี้เราสามารถวิเคราะห์ในเชิงวิทยาศาสตร์ได้ว่าความเร็วในการเดินทางของปรากฏการณ์ที่ในกุรอานกล่าวถึง คือ ความเร็วแสง อายัตทั้งสองมีดังนี้
يُدَبّرُ الأمْرَ مِنَ السّمَآءِ إِلَى الأرْضِ ثُمّ يَعْرُجُ إِلَيْهِ فِي يَوْمٍ كَانَ مِقْدَارُهُ أَلْفَ سَنَةٍ مّمّا تَعُدّونَ
ความว่า "พระองค์บริหารงานจากฟากฟ้าสู่แผ่นดิน หลังจากนั้นจะขึ้นไปยังพระองค์ภายใน 1 วันซึ่งระยะเวลา ของมันเท่ากับ 1000 ปี จากจำนวนที่พวกเจ้าเคยนับ" 32:5
وَيَسْتَعْجِلُونَكَ بِالْعَذَابِ وَلَن يُخْلِفَ اللَّهُ وَعْدَهُ وَإِنَّ يَوْماً عِندَ رَبِّكَ كَأَلْفِ سَنَةٍ مِّمَّا تَعُدُّونَ
ความว่า "และพวกเขา ที่เร่งต่อเจ้าให้มีการลงโทษ โดยเร็วและอัลลอฮฺจะไม่ผิดสัญญาของ พระองค์ อย่างแน่นอนและแท้จริงวันหนึ่ง ณ องค์อภิบาลของเจ้านั้น เหมือนดังพันปีตามจำนวนที่พวกเจ้านับ" 22:47
การวิเคราะห์ ดวงจันทร์เป็นเพื่อนบ้านที่ใกล้ที่สุด การนับเดือนมีอยู่ 2 ชนิด ดังนี้ 1.โดยดวงจันทร์โคจรรอบโลก และดวงจันทร์เคลื่อนที่สัมพัทธ์กับตำแหน่ง บนโลก ทำให้ดวงจันทร์ที่เราสังเกตเห็นบนโลกเป็นจันทร์เสี้ยว ช่วงเวลาที่เราเห็นดวงจันทร์ครบรอบคือ 29.53 วัน เรียกว่า Synodic month(เดือนทางจันทรคติ)
2.แต่ในขณะที่ดวงจันทร์โคจรรอบโลกนั้นทั้งโลกและดวงจันทร์ก็โคจรรอบดวงอาทิตย์ด้วย ดังนั้นตำแหน่งของดวงจันทร์ถ้าเทียบกับดาวก็จะแตกต่างกันด้วย ช่วงเวลาที่ตำแหน่งของดวงจันทร์เปลี่ยนไปครบรอบเมื่อเทียบกับดาว เป็นเวลา 27.32 วัน เรียกว่า Sidereal month ซึ่งเป็นเวลาที่แท้จริงของ การโคจรครบรอบของดวงจันทร์ โดยมีรัศมีการโคจรเกือบเป็นวงกลม r = 84264 กม.
Lunar month and Terrestrial day
Period
Synodic
Sidereal
Lunar Month T
27.321661 วัน หรือ 655.71986 ชม.
29.5309 วัน
Terrestrial Day t
23 ชม. 56 นาที 4.0906 วินาที หรือ 86164.0906 วินาที
24 ชม. หรือ 86400 วินาที
ปรากฏการในฟากฟ้า(Cosmic affair) เดินทางจากฟากฟ้ามายังโลก ใน 1 วัน หรือ 1 วันในอีกมิติหนึ่งวัดได้ 1,000 ปีสำหรับมนุษย์ (12,000 เดือน ) ดังนั้นถ้า ระยะทาง คือ ความเร็วคูณเวลา จะได้ (ความเร็วแสง)X(Sidereal Terrestrial day) = (หนึ่งพันปีของ Lunar Year) X (จำนวนเดือนต่อปี) X (moon orbit length)
เขียนเป็นสมการได้ดังนี้

Ct = 12,000 L

เมื่อ C=ความเร็วของปรากฏการบนฟากฟ้า, t=ระยะเวลา 1 วัน = 86,164.0906 วินาที (sidereal day) และ L=Vcos@T เมื่อ V =average orbital velocity of moon =3,682.07 km/hr @ =angle travelled by earth moon system=26.92848 T =sidereal lunar month = 655.71986 hr จะได้ Ct=12,000Vcos@T

ดังนั้น C =(12,000Vcos@T)/t
C=12,000x3,682.07x0,89157x655.71986/86,164.0906
ได้ C = 299,792.5 km/s ค่า C ที่ได้เป็นค่าเดียวกับความเร็วของแสงหรือความเร็วของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่เคลื่อน ที่ผ่านสุญญากาศแสดงว่าอายัตที่กล่าวมานั้น อัลลอฮฺบอกเป็นนัยถึงค่าคงที่ของจักรวาลค่านี้ ค่าที่ยอมรับปัจจุบันคือ
C=299,792.458 km/s คำว่า "นูร" ซึ่งแปลว่าแสงนั้น มีกล่าวอยู่หลายต่อหลายแห่งในกุรอานและฮาดิษ นูร ในที่นี้อาจจะ มีนัยไปถึงคำว่า คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่มนุษย์รู้จักในปัจจุบัน

อัลลอฮฺ ฮูอักบัร

ليست هناك تعليقات:

إرسال تعليق